เหตุการณ์น้ำท่วมหลายคนหลงลืมเรื่องภาวะโลกร้อนไปชั่วคราว และยังหลงลืมต้นหมากรากไม้ ที่เป็นโล่กันโลกร้อนได้ โดยเฉพาะคนเมืองหลวง พะวงกับข้าวของจะเสียหายมากกว่า อีกทั้งเรื่องการเคลื่อนย้ายต้นไม้ทำได้ยากด้วย เบญมาส โชติทอง นักวิชาการจากสถาบันสิ่งแวดล้อมไทย มีคำแนะนำดูแลต้นไม้ภายหลังต้องเผชิญน้ำท่วมไว้ว่า...
เมื่อต้องเผชิญกับน้ำท่วม ให้เลี่ยงการรบกวนบริเวณเรือนรากของต้นไม้ ซึ่งหมายถึงพื้นที่รอบ ๆ โคนต้นไม้ที่มีรัศมีเท่า ๆ กับพุ่มใบนั่นเอง หรือแม้แต่การเคลื่อนย้ายสิ่งของก็ขอให้หลีกเลี่ยงการผ่านบริเวณเรือนรากของต้นไม้ ช่วงน้ำท่วมทำอะไรไม่ได้มาก นอกจากรอให้น้ำลดลงแล้วค่อยช่วยให้พื้นที่แห้งเร็วขึ้น โดยทำเป็นร่องให้น้ำไหลออก หรือสูบน้ำที่ขังออก
หลังน้ำลดให้ตรวจสอบ และรอดูอาการของต้นไม้ว่ารอดหรือตาย รอให้พื้นดินแห้งสัก 4-5 วัน แล้วค่อยฟื้นฟูต้นไม้ที่รอดโดยสังเกตต้นไม้หลังน้ำท่วม หากมีการทิ้งใบแล้วผลิใบใหม่แสดงว่ารอด แต่หากใบเหี่ยวเฉาติดอยู่คาต้นอาจไม่รอด นอกจากนี้ ให้ดูกิ่ง และลำต้น หักกิ่งเล็ก ๆ หรือขูดเปลือกโคนต้นไม้ หากยังเห็นเนื้อไม้เขียวหรือสดอยู่ก็มีโอกาสรอด แต่หากทั้งกิ่ง และลำต้นมีสีน้ำตาล และแห้งก็จะรอดยาก สำหรับวิธีดูแลและฟื้นฟูต้นไม้ที่รอดตายหลังน้ำท่วม
- ใช้ไม้ค้ำยันต้นไม้ที่มีอาการอ่อนปวกเปียก เสียการทรงตัว
- อย่าไปเดินเหยียบย่ำดินบริเวณต้นไม้ เพราะจะทำให้ดินแน่นและลดอากาศในดินที่รากใช้หายใจ
- รอให้ดินแห้งหมาด ๆ แล้วค่อยพรวนดิน เพื่อเพิ่มอากาศในดินและป้องกันรากเน่า
- ตัดแต่งกิ่งและใบเพื่อลดการคายน้ำ ช่วยให้ต้นไม้ฟื้นตัวได้เร็วขึ้น
- ต้นไม้หลังน้ำท่วมจะอ่อนแอ เกิดโรคได้ง่าย ควรหมั่นสังเกตอาการที่มักจะเกิดขึ้น เช่น ฝ้าขาวที่ใบซึ่งเกิดจากจากเพลี้ยแป้ง ใบแหว่งถูกหนอนกัดกิน มีเชื้อราขาว ๆ บริเวณโคนต้นและราก เพื่อจะได้รักษาตามอาการ
ส่วนการปลูกต้นไม้เพื่อแทนต้นที่ตายไป สามารถเลือกไม้ทนน้ำได้ เช่น เสม็ดขาว ตีนเป็ดน้ำ พญาสัตบรรณ อินทนิลน้ำ โมก หมาก ปาล์มบางพันธุ์ เป็นต้น.